ทำงานพีอาร์โปรโมทแชมเปญชื่อดังหลากหลายชนิดมาร่วม 6-7 ปี ถึงได้เก็บเกี่ยวความรู้ตั้งแต่ส่วนผสม การจับคู่กับอาหาร หรือแม้กระทั่งประวัติของในแต่ละแชมเปญเฮาส์จนมีความรอบรู้พอสมควร จนเกิดความอยากที่จะศึกษาและเรียนรู้ ทริปการไปฝรั่งเศสหนนี้จึงเกิดขึ้น แชมเปญนั้นเป็นเครื่องดื่มเครื่องหมายแห่งการเฉลิมฉลองซึ่งพื้นที่แห่งเดียวที่สามารถผลิตได้นั้นเป็นแคว้นอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงปารีส ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ราคาตั๋วรถไฟก็ประมาณ 2,000 บาท โดยพื้นที่เพาะปลูกและเป็นที่ตั้งของแชมเปญเฮาส์ชื่อดังในแคว้นแชมเปญนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ในเมือง Epernay และ Reims
จะว่าไปแล้วแชมเปญที่เรารู้จักนั้นมีกันอยู่ไม่กี่แบรนด์ ไม่ถึง 10% ของจำนวนแบรนด์ทั้งหมดที่รวมเฮาส์เล็กๆที่เป็น Independent brand เข้าไปด้วย โดยหลักการแล้วเครื่องดื่มสำหรับการเฉลิมฉลองนี้ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยส่วนผสมองุ่น 3 ชนิด พิโนนัวร์ ชาร์ดอนเนย์ และพิโนมูนิเยร์ เข้าด้วยกันและผ่านการหมักบ่ม 2 ครั้งตามกฎของการผลิตแชมเปญที่บามหลวงดอม เปอริยองได้ค้นพบเมื่อกว่า 2 ศตวรรษที่แล้ว โดยวิธีการผลิตนี้ได้สืบทอดมาจนปัจจุบันหากแต่การผลิตทำขึ้นนอกพื้นที่แคว้นแชมเปญในประเทศฝรั่งเศสจะไม่สามารถเรียกว่าแชมเปญได้ ต้องเรียกว่าสปาร์คกลิ้งไวน์ เล่ากันถึงความรู้พื้นฐานของแชมเปญแล้ว จะพาไปรู้จักแชมเปญเฮาส์ชื่อดังต่างๆ
สำหรับผู้ชื่นชอบแชมเปญจริงๆ นั้นการจะบรรยายหรือเปรียบเทียบว่าแบรนด์หนึ่งแบรนด์ใดจะดีที่สุดนั้นเป็นเรื่องยาก มาดอนน่านักร้องชื่อก้องโลกนั้นชื่นชอบครุก (Krug) ในขณะที่ราชาเพลงฮิพฮอพอย่างพี ดิดดี้เลือกดื่มคริสตาล (Cristal) แชมเปญแบรนด์เดียวที่ไม่มีก้นขวดที่เว้าเข้าไปดั่งเช่นแชมเปญแบรนด์อื่น เนื่องจากทำขึ้นในสมัยพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซียซึ่งกลัวการลอบปลงพระชนม์ด้วยการซุกระเบิดไว้ใต้ขวด แต่ถ้าหากเป็นแบรนด์ที่สาวสวยรสนิยมสูงชื่นชอบนั้นคงจะเลี่ยงไม่พ้น เปอร์ริเยร์ จูเอท แชมเปญดอกไม้ แบรนด์โปรดของเกรซ เคลลี่ วิกตอเรีย เบคแฮม โซฟี มาโซ หรือแม้กระทั่งกงลี่ ดังนั้นการเดินทางครั้งนี้จึงเต็มไปด้วยสีสันและความตื่นเต้น
เริ่มจากการเดินทางจากกรุงปารีสทางรถไฟไปยังเมือง Epernay ซึ่งถือเป็น Capital of Champagne แต่เนื่องจากมีเวลาไม่มากนักจึงมีโอกาสเยี่ยมชมเพียง 2 แบรนด์แต่เป็น 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง โมเอ็ท & ชองดอง ที่หลายๆคนเรียกผิดว่าโมเอ้ แต่จริงๆ แล้วชื่อของโมเอ็ทนั้นมาจากภาษาเยอรมัน ฌอง คล็อด โมเอ็ทผู้ก่อตั้งนั้นมาจากประเทศเยอรมัน โดยแชมเปญเฮาส์แห่งนี้มีรูปปั้นบาทหลวงดอมเปอริยองอยู่ข้างหน้า สำหรับการเยี่ยมชมนั้นเราสามารถเลือกได้ว่าตอนจบอยากเทสต์แชมเปญแบบวินเทจหรือบรุทซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไป เอกลักษณ์สิ่งเดียวที่น่าประทับใจของโมเอ็ท & ชองดอง นั้นคือเซลลาหรือที่เก็บแชมเปญที่ยาวที่สุด และเป็นที่บุคคลสำคัญของโลกอย่างจักรพรรดินโปเลียนมาเยี่ยมเยียนอย่างสม่ำเสมอ แตกต่างกับเพื่อนบ้านถัดไปอย่างแบรนด์เปอริเยร์ จูเอ็ท หรือที่ใครๆเรียกว่าแชมเปญดอกไม้นั้นมีความสวยงามและน่าสนใจกว่า
เปอริเยร์ จูเอท เป็นอีกหนึ่งในแชมเปญเฮาส์ที่เก่าแก่แต่ชื่อแชมเปญดอกไม้นั้นได้มาจากแบรนด์ตัวท็อปคือ Belle Epoque ที่มีการให้ศิลปินมากฝีมืออย่าง Emile Galle มาเพนท์ลายดอกไม้ลงบนขวดตั้งแต่ในสมัย 1902 ตั้งแต่นั้นมาแชมเปญเฮาส์แห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับงานศิลปะอย่างมากมาย และหากมีเวลาควรจะเยี่ยมชม Maison Bell Epoque ที่อยู่ตรงข้าม มีความสวยงาม อลังการ และคลาสสิค ทั้งเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งภายใน สำหรับผู้ชื่นชอบงานศิลปะไม่ควรพลาด
จะว่าไปแล้วการมา Epernay ไม่ตื่นเต้นเท่ากับการไปเมือง Reims ที่มีแชมเปญแบรนด์ดังอย่างหลุย์ โรเดอร์เรอร์ จี เอช มุม เวิร์ฟ คลิคโคท์ พอมเมอร์รี่ รุยนาร์ท แทททิงเจอร์และอื่นๆมากมาย พอมเมอร์รี่นั้นน่าจะเป็นแชมเปญเฮาส์ที่น่าประทับใจที่สุด เนื่องจากมาดามพอมเมอร์รี่ชื่นชอบงานศิลปะเป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้นจึงมีงานศิลปะหลากชนิดให้ชื่นชมตั้งแต่ทางเข้า ภายในเซลล่าร์ที่มีงาน Installation Art กว่าร้อยชิ้น หากจะเลือกทัวร์ที่นี่ควรจะเลือกแบบ long trip ซึ่งใช้เวลาประมาณ 45 - 60 นาที เพื่อชมงานศิลปะทั้งหมด ก่อนปิดท้ายความประทับใจด้วยการเทสต์แชมเปญ Cuvee Louise อันเป็นแชมเปญอันดับ 1 ของที่นี่
ส่วนไฮไลท์ที่เก็บไว้สุดท้ายคือการได้ไปเยี่ยมชม จี เอช มุม แชมเปญเฮาส์ แบรนด์ยอดนิยมสำหรับ สุภาพบุรุษผู้ชื่นชอบความเร็ว เนื่องจากเราจะคุ้นตากับการเป็นแชมเปญสำหรับการเฉลิมฉลองของเหล่านักแข่งรถยนตร์ฟอร์มูล่าวัน โดยใต้แชมเปญเฮาส์แห่งนี้เพียบพร้อมไปด้วยห้องจัดเลี้ยงแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดคือส่วนของพิพิธภัณฑ์ของแบรนด์แชมเปญที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ที่คุณพลาดไม่ได้อยากแนะนำให้ลองเทสต์ Blanc de Noir แชมเปญที่ผลิตขึ้นจากการใช้องุ่นพันธุ์พิโนนัวร์ชนิดเดียวซึ่งหาได้ยาก รับรองไม่มีผิดหวัง
สำหรับการมา Reims นั้นไม่ควรพลาดร้านอาหารในโรงแรมชื่อดัง Les Crayeres เป็นทั้งโรงแรมและร้านอาหาร อยู่ใกล้ๆกับ พอมเมอร์รี่แชมเปญเฮาส์ ร้านอาหารที่นี่เคยได้รับมิชลิน 3 ดาว มีแชมเปญให้เลือกดื่มมากกว่า 50 ชนิด ส่วนอาหารการันตีได้ว่าไม่มีผิดหวังตั้งแต่คอร์สแรกยันของหวาน อย่างเดียวที่ต้องระวังคือถ้าหากเดินทางกลับกรุงปารีสด้วยรถไฟต้องทานอาหารให้เสร็จก่อน 1 ทุ่มแต่ร้านอาหารเปิด 6 โมงครึ่ง ดังนั้นควรจะจองล่วงหน้าพร้อมกับขอเริ่มทานอาหารตั้งแต่ 6 โมงเย็น วุ่นวายนิดหน่อยแต่รับรองว่าคุ้มค่ากับความพยายาม